คริสเตียน พูลิซิช
คริสเตียน พูลิซิช ประวัติ เส้นทางพรีเมียร์ลีก ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เมื่อเดือนมกราคม ปี 2019 เชลซี ในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี ได้จัดการเซ็นสัญญากับแข้งดาวรุ่งเลือดอเมริกัน จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นามว่า คริสเตียน พูลิซิช ด้วยค่าตัวกว่า 57 ล้านปอนด์ ซึ่งนับเป็นนักเตะจากแดนลุงแซมรายที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสรต่อจาก แมทท์ เมียซ์ก้า กองหลังโนเนมวัย 24 ปี ที่ตอนนี้ดูจะไม่เหลืออนาคตในทีม สิงโตน้ำเงินคราม ไปเป็นที่เรียบร้อย
ด้าน พูลิซิช หลังจากเซ็นสัญญา กับต้นสังกัดใหม่ใน พรีเมียร์ลีก เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยังคงค้าแข้งต่อในถิ่น ซิกนาลอีดูนา พาร์ค ต่อไปด้วยสัญญายืมตัวจนจบซีซั่น
กระทั้งหลังจาก เปิดฤดูกาลใหม่ หนุ่มน้อยที่ ณ ขณะนั้นวัยเพียง 20 ปี ต้องกลายเป็นแข้ง ใหม่เพียงรายเดียวที่ สิงห์บลู จะสามารถใช้ งานได้เนื่องจากสโมสร ถูกแบนห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่เป็นเวลา 2 รอบตลาดซื้อขายด้วยกัน (ต่อมาอุทธรณ์สำเร็จ เหลือเพียงรอบเดียว) และแน่นอน การเป็นสตาร์เพียง “หนึ่งเดียว” นั้น ย่อมถูกทุกสายตาจับจ้อง และเพ่งเล็งเป็นธรรมดา โดยเฉพาะการจะเข้ามา รับหน้าที่เป็นแนวหน้า ในการพาทีมฝ่าฟันช่วงเวลา อันมึดมนนี้ไปให้ได้ ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายเป็นอุปสรรค ใหญ่หลวงที่จะคอยขวางทาง ไม่ให้แข้งมากพรสวรรค์รายนี้ พุ่งทะยานไปถึงจุดสูงสุดกับ สิงโตน้ำเงินคราม ตลอดในช่วงที่ผ่านมา
การที่ต้องเป็นเป้าสายตา ในฐานะดาวดวงใหม่เพียง หนึ่งเดียวนั้นเอง ทำให้สิ่งกีดขวางที่ดูจะโหด หินที่สุดกลับในฐานะสตาร์ดวงใหม่ กลับไม่ใช่คู่แข่ง ในสนามหรือการปรับตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ แต่เป็น “ความคาดหวัง” ทั้งจากสโมสรและแฟนบอล ที่ต่างถาโถมมาที่ตัวเขา ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้า เข้ามาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แห่งนี้
อุปสรรคแรก คือ “ความคาดหวัง” ที่ติดตัวมาพร้อมกับ พูลิซิช ตั้งแต่เริ่มนั่นคือ ค่าตัวมหาศาลกว่า 57 ล้านปอนด์ มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งหากจะหาสักหนึ่งประโยค มาใช้อธิบายสถานการณ์ ในช่วงต้นซีซั่น ของอดีตแข้งจากทีมเสือเหลือง รายนี้ ได้ใกล้เคียงมากที่สุด คงจะเป็น “ทำดีก็เสมอตัว ทำมั่วก็โดนด่า” โดยแตกต่างจากบรรดาดาวรุ่งรายอื่น ๆ ที่ถูกดันขึ้นมาโดยสิ้นเชิง ทั้ง แทมมี อับราฮัม หรือแม้แต่ เมสัน เมานท์ ที่มักจะถูกมองว่าพวกนี้ “เล่นแย่ก็ไม่แปลก แต่ถ้าเล่นดีก็ถือเป็นกำไร” เพียงเพราะแค่ตัวเลข ป้ายราคาที่ติดตัวมามันต่างกัน ทำให้กลายเป็นว่า พูลิซิช ถูกมองว่าเป็นนักเตะ อีกระดับหนึ่งไปโดยปริยาย ทั้งที่อย่าลืมว่าพวกเขา อายุอานาก็เกือบจะเท่ากันด้วยซ้ำ
อย่างที่สองคือ ผลพวงจากการอำลาทีมไปของ สตาร์อันดับ 1 อย่าง เอเดน อาซาร์ ที่แบกทีมจนหลัง แทบหักแต่เพียงผู้เดียวใน ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นั่นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ในการที่ พูลิซิช จะถูก “คาดหวัง” ให้เป็นตัวตายตัวแทนของ สตาร์ชาวเบลเยียม ที่พึ่งจะย้ายทีมออกไป ชนิดที่ฝากมาตรฐานเอาไว้สูงลิบก่อน จะแยกทางกัน ถึงแม้ว่า พูลิซิช จะมีชื่อเสียงและผลงาน เป็นที่ประจักษ์อยู่บ้างแล้วก็จริง แต่มันคงจะไม่ยุติธรรมเท่าใด นักหากจะหวังให้เจ้าตัวมาทำหน้าที่แทน อดีตเดอะแบกหมายเลข 10 ที่เคยทำเอาไว้อย่างน่าประทับใจ ได้อย่างอย่างลงตัว แบบทันทีทันควัน
และอุปสรรคที่ สำคัญอย่างสุดท้าย คือ การเข้ามาของ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือหนุ่มไฟแรงที่มีแนวทาง การทำทีมที่ค่อนข้างจะเลือกที่ รักมักที่ชังอยู่พอ สมควรในซีซั่นนี้ สังเกตได้จาก 9 เกมแรกใน พรีเมียร์ลีก มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นที่นายใหญ่ ซูเปอร์แฟรงค์ เลือกจะใช้งาน พูลิซิช แบบเต็ม 90 นาที ในจำนวนนั้นเป็นตัวจริงเพียง 3 เกมเท่านั้น แถมถูกจับดองบนม้านั่งข้างสนามถึง 3 นัดติดต่อกัน นั่นจึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำเล็ก ๆ ว่า คริสเตียน พูลิซิช อาจจะไม่ใช่นักเตะที่ ป๋าแลมพ์ ถูกใจสักเท่าใดนัก ผิดไปจาก เมสัน เมานท์ และ แทมมี อับราฮัม ทั้งที่พึ่งจะเข้ามาร่วมทีมชุดใหญ่ฤดูกาลนี้พร้อม ๆ กัน แต่ยังไงสองคนนี้ ก็ได้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เสมอไม่ว่าช่วงนั้นจะฟอร์มดี หรือแย่แค่ไหนก็ตาม
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือขวากหนามที่หนุ่มน้อยวัย 21 ปี ต้องฝ่าฟันไปให้ได้หากเขา ต้องการจะก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าของลีกเมืองผู้ดี แน่นอนว่าทั้งหมด ขึ้นอยู่กับหัวจิตหัวใจของเขา แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ว่าจะสามารถเข้มแข็งและก้าวข้ามสิ่งกีดขวางเหล่านี้ไปได้ หรือจะยอมแพ้ ต่อโชคชะตาและเลือกที่จะหนีปัญหาอย่างที่แข้งดัง ในอดีตหลายคนทำกัน แน่นอนว่าฝีเท้าของ เจ้าตัวมีดีแฝงอยู่อีกมาก แต่สิ่งที่ท้าทายคือเจ้าตัวต้องรีบ ดึงมันออกมาให้ประจักษ์แก่สาย ตาทุกคนให้ได้ภายใต้โอกาสที่มี ค่อนข้างจำกัดบนถนนสาย “พรีเมียร์ลีก” เส้นทางที่ว่ากันว่าโหดหิน และไม่เคยมีพื้นที่ให้กับผู้ที่อ่อนแอแห่งนี้
แต่ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ว่าผลจะออกมาดี หรือร้าย เชื่อได้เลยว่าตราบใดที่ “กัปตันอเมริกา” ยังสวมเครื่องแบบสีน้ำเงินครามชุดนี้อยู่ เหล่าบรรดาสาวก สิงห์บลู อีกจำนวนไม่น้อย จะยังคอยสนับสนุน และช่วยเป็นแรงผลัก ดันให้เจ้าตัวก้าวเดินไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่ จะเป็นไปได้จนกระทั่งสุดเส้นทางของ เขาบนถนนสายนี้อย่างแน่นอน
พูลิซิช เผยถึงข้อคิดที่ แลมพาร์ด สอนกับทีมคือ “อะไรก็เกิดขึ้นได้”
คริสเตียน พูลิซิช กองกลางตัวรุกของเชลซี เผยว่า หลักข้อคิดของเชลซี ชุดปัจจุบัน ยึดถือคำกล่าวที่ว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้
ทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี โชว์การกลับมาได้อย่างสุดบรรยาย โดยการไล่ตามตีเสมอ อาแจ็กซ์ ที่ออกนำพวกเขาไป 4-1 ก่อนจะจบลง 4-4 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
พูลิซิช ได้เผยคำพูดที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด บอกกับแข้งเชลซีว่า “เขาได้มอบความมั่นใจให้กับนักเตะทุกคน คอยผลักดันพวกเรา ช่วงพักครึ่งเขาบอกว่าเราสามารถสร้างโอกาส และสามารถเอาชนะได้ เราเชื่อมั่นว่าทีมจะสามารถกลับมาได้”
“แฟนบอลจะเห็นได้ว่าเมื่ออีกทีมตกอยู่ภายใต้ความกดดัน เหมือนกับเรา ซึ่งไม่ง่ายเลย จะผ่านไปได้ เราเป็นฝ่ายครองเกมเหนือกว่ามากช่วงครึ่งหลัง เราแค่ต้องรักษาความมุ่งมั่นเอาไว้แบบนี้”
“เราแสดงให้เห็นการสู้สุดใจมันเป็นยังไง การที่ทีมโดนนำ 4-1 และคิดว่าจะสามารถกลับมาได้ มันเป็นเรื่องที่สุดบรรยายจริงๆ ทั้งหมดนี้มันสามารถอธิบายได้ว่า อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ นั่นคือหลักความคิดของทีมในเวลานี้”
โปรโมชั่น
คืนยอดเสีย 5% สูงสุด 2,000 บาท
สมัครสมาชิกตอนนี้ 300 ฟรี 200 บาท
แนะนำเพื่อนรับทันที 200 บาท
สมัครสมาชิก ID LINE : @win666